ที่มา : https://web.facebook.com/jiradejwong…
ผู้เขียน : ภูมิ จิระเดชวงศ์
เผยแพร่ : วันพุธที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕

รายละเอียด

#ตำนานพระลากคู่รัก พระแม่ชุม – พระพ่อศรีสุวรรณ แห่ง อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช
โดย ภูมิ จิระเดชวงศ์

ในครั้งอดีตกาล แถบบ้านนาพรุ มีเศรษฐีผู้หนึ่ง ร่ำรวยและมั่งคั่งอย่างมาก ชาวบ้านขนานนามกันว่า “ เศรษฐีนาพรุ ” ท่านกับภรรยามีบุตรสาวที่รักปานแก้วตาดวงใจ ชื่อว่า “ ชุม ” นางสาวชุม เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน และมีรูปโฉมงดงามมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อโตขึ้น จึงเป็นที่นิยม หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลายโดยรอบบริเวณนั้น รวมถึง “ สุวรรณ ” บุตรชายของเศรษฐีบ้านท้ายสำเภา ผู้มีฐานะทัดเทียมกับเศรษฐีบ้านนาพรุ หนุ่มสุวรรณได้หลงรัก และ มีใจแค่สาวชุมเท่านั้น จึงได้ขยันขันแข็งในการทำงาน และได้มาคบหากับสาวชุม โดยเป็นที่ทราบกันของเศรษฐีทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งหนุ่มสุวรรณ มีทรัพย์สินพร้อมสำหรับตบแต่งขันหมาก จึงได้ให้เศรษฐีท้ายสำเภาผู้บิดา นำขันหมากไปสู่ขอสาวชุมจากเศรษฐีนาพรุผู้เป็นบิดา ทางเศรษฐีนาพรุ กับ ภรรยา พิจารณาเห็นแล้วว่า พ่อสุวรรณนั้น นอกจากจะรักธิดาด้วยใจจริงแล้ว ยังเป็นคนขยันขันแข็ง เอาการเอางาน มีความประพฤติตนในธรรมอันดี รอบรู้วิชาการค้าการฝีมือทั้งหลาย สาวชุมไปเป็นคู่ชีวิตด้วย อย่างไรเสียก็อยู่กันได้แน่นอน จึงตัดสินใจยกบุตรสาวให้ งานแต่งระหว่างพ่อสุวรรณและแม่ชุม เป็นงานแต่งที่เอิกเกริกที่สุดในขณะนั้น

วันเวลาผ่านไปไม่ทันไร ได้เกิดโรคระบาด “ ไข้น้ำ ” ขึ้นในแถบบ้านนาพรุและบริเวณใกล้เคียง ปรากฎว่าแม่ชุมได้ล้มป่วยลงด้วยโรคระบาด สุดความสามารถ ที่หมอทั้งหลายที่เศรษฐีพยายามหามาจะบรรเทา เยียวยารักษาให้หายได้ แต่ในคราวทุกข์ของสาวชุมนั้น หนุ่มสุวรรณยังคงเคียงข้าง ไม่ยอมทิ้งไปไหน ไม่รังเกียจที่คนรักจะมีแผลอันน่าเกลียด มีร่างกายที่ซีดผอมจากพิษของโรค หนุ่มสุวรรณยังคงเฝ้ารักษาพยาบาล จนกระทั่งในวันที่สาวชุมได้จากไป ได้บังเกิดความเสียใจยิ่งที่หนุ่มสุวรรณ ทำให้ชายหนุ่มหน้าตาดี บุตรเศรษฐี กลับกลายไปเป็นคนละคน ค่อย ๆ ตรอมใจลง จนร่างกายป่วยไข้ และสิ้นชีพตามแม่ชุมไปในเวลาแค่ไม่กี่เดือน การจากไปของชายหนุ่ม และ หญิงสาว ได้สร้างความเสียใจแก่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอย่างมาก

เศรษฐีนาพรุ กับ เศรษฐีท้ายสำเภา จึงหานายช่างหล่อพระมากลุ่มหนึ่ง ให้มาสร้างพระพุทธรูป เพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่บุตรธิดาทั้งสอง โดยได้หล่อพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร พระเกศรัศมียอดเปลวเพลิงไว้องค์หนึ่ง แต้มปาก ทาเล็บทั้งหมดให้เป็นสีแดง เพื่อเป็นพระพุทธรูปแทนตัวของ “ แม่ชุม ” บุตรสาวของเศรษฐีบ้านนาพรุ และ ได้สร้างพระพุทธ รูปปางอุ้มบาตรอีกองค์หนึ่ง ทรงเครื่องทับทรวง รัดแขน สวมเทริดอย่างวิจิตร เพื่อให้เป็นพระพุทธรูปแทนตัวของ “ พ่อศรีสุวรรณ ” เมื่อช่างหล่อพระได้ขัดสีตบแต่งเรียบร้อยแล้ว เศรษฐีทั้งสองก็ได้นิมนต์พระภิกษุมารับถวายพระพุทธรูป พร้อมกับอุทิศผลานิสงส์ให้ไปถึงแม่ชุม และ พ่อสุวรรณ บุตรธิดาผู้วายชนม์ เมื่อเสร็จพิธีทางสงฆ์ เศรษฐีนาพรุ ได้นิมนต์พระภิกษุกลุ่มนั้น อาศัยจำพรรษาในที่ของตน ได้ยกที่ดิน ยกเคหะสถานที่มีมาแต่เดิมเป็นวัด เพื่ออุทิศบุญนี้ให้กับ นางชุม ผู้เป็นลูกสาวอีกครั้ง โดยให้ชื่อว่า “ วัดนาพรุ ” ( ปัจจุบันคือวัดโพธิ์นิมิตร ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ) แล้วตัวเศรษฐีกับภรรยา ตลอดจนข้าไทได้ย้ายไปสร้างบ้านใหม่ ที่โคกเพิง ที่ไม่ไกลกันนักจากวัดนาพรุ

และในส่วนของพ่อศรีสุวรรณ เศรษฐีท้ายสำเภา ได้นำพระลากแทนตัวพ่อศรีสุวรรณ กลับมายังบ้านท้ายสำเภา โดยได้สร้างวัดไว้ให้เช่นเดียวกับเศรษฐีนาพรุ วัดนั้นชื่อว่า “ วัดป่ายาง ” ( ปัจจุบันคือ วัดราชเจริญวราราม ต. ท้ายสำเภา อ. พระพรหม จ. นครศรีธรรมราช ภายหลังพระพ่อศรีสุวรรณ ได้ถูกย้ายไปยังวัดพระเพรง และ วัดพระพรหม จนถูกโจรกรรม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นที่เสียดายของพุทธศาสนิกชนอย่างมาก ) พระลากทั้งสอง ได้ประดิษฐานในวัดของตนอยู่ราวร้อยกว่าปีเศษ ภายหลัง วัดป่ายาง และ วัดนาพรุ ได้เกิดรกร้างลง ขาดพระภิกษุจำพรรษา ท่านสมภารวัดท่าช้างในยุคนั้น จึงปรึกษากับญาติโยม ที่จะเชิญพระแม่ชุม จากวัดนาพรุ มาประดิษฐานยังวัดท่าช้าง เพื่อป้องกันการถูกโจรกรรม หรือ ถูกทำลายจากบุคคลมิจฉาทิฏฐิ สมภารวัดท่าช้างในขณะนั้น จึงได้เรียนความนี้ไปยังพระครูการาม วัดหน้าพระลาน เพื่อขออนุญาต ท่านพระครูการาม วัดหน้าพระลานก็เห็นสม อนุญาตให้มีการเคลื่อนย้ายพระแม่ชุม จากวัดนาพรุที่กำลังจะร้าง ไปยังวัดท่าช้างทางตะวันออก จึงทำให้พระแม่ชุม ได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าช้างมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ มีพระภิกษุ ชาวบ้าน และ พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธา คอยดูแลพระแม่ชุมมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าวัดจะผ่านสภาวะโรยราไปบ้าง ตามความเป็นไปของโลก แต่ความศรัทธาอย่างเหนียวแน่นในองค์พระแม่ชุม ได้ทำให้พระลากแม่ชุม ได้อยู่คู่วัดท่าช้างมาจนถึงทุกวันนี้

พระลากแม่ชุมวัดท่าช้าง อยู่คู่กับชาวท่าช้างมาเกือบชั่วอายุคน มีการเชิญลงมาสรงน้ำในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ และ ในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุก ๆ ปี พระลากแม่ชุม ได้รับความศรัทธา นับถือ จากผู้คนในย่านอำเภอพระพรหม ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านความรัก ที่เป็นรักที่มั่นคง หากผู้ใดได้มากราบไหว้บูชา จะมีศุภผลดลให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข คนที่เป็นโสดอยู่ ก็จะมาบูชาเพื่อหาเนื้อคู่ที่ดี เหมาะกับตน หลายคนที่เป็นพ่อค้าแม่ขาย ก็จะนิยมมาสักการะพระแม่ชุม เนื่องจากท่านเป็นบุตรีของเศรษฐี จึงมีความนิยมกัน ว่าถ้าขอพรแม่ชุมแล้ว ให้บูชาขอพรทางด้านค้าขายด้วย จะช่วยให้มีความมั่งคั่ง มีอัตภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงทำให้พระลากแม่ชุมแห่งวัดท่าช้าง มีผู้ศรัทธาเข้ามาสักการะอยู่บ่อย ๆ พระลากแม่ชุม จึงเหมาะกับการบูชา แก่ผู้ที่ต้องการแสวงหาความมั่นคงในความรัก ผู้ที่ประกอบอาชีพค้าขาย รวมถึงผู้ที่ต้องการความอบอุ่นในครอบครัว ให้บังเกิดผลประสบความสำเร็จดั่งปรารถนา เมื่อชีวิตส่วนตัว และ ชีวิตในหน้าที่การงานสมบูรณ์พร้อม ความสุขที่ยั่งยืนพร้อมจะบังเกิดขึ้น เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่ปุถุชนพึงควรจะมี ที่จะก้าวหน้าไปทั้งทางโลก และ ทางธรรม ดั่งพระลากแม่ชุม และ พ่อศรีสุวรรณ ที่อยู่คู่กันเสมอมา ถึงแม้ว่าวันนี้ พระลากอันเป็นรูปแทนตนของพ่อศรีสุวรรณจะอันตรธานไปนานแล้ว แต่ดวงจิตที่ยังคงมั่นในรัก และผูกพัน ก็คงยังอยู่คู่กัน ให้เป็นที่กล่าวขวัญ เป็นที่สักการะบูชา ของลูกหลานบ้านท่าช้างสืบไป