ที่มา : https://web.facebook.com/jiradejwong…
ผู้เขียน : ภูมิ จิระเดชวงศ์
เผยแพร่ : วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔

รายละเอียด

ถ้าหากท่านสังเกตุตามวัดพุทธศาสนา ทั่วทั้งภูมิภาคในประเทศไทย ตลอดจนประเทศต่าง ๆ ในโลก องค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ของวัดส่วนใหญ่ คือ รูปปฎิมากรรมของ “ พญานาค ” หรือ ถ้าหากเป็นประเทศแถบเอเชียตะวันออก ก็ถูกแปลงให้เป็น “ มังกร ” ซึ่งชวนให้สงสัยอยู่บ่อยครั้ง ทำไมพญานาค ถึงมีความผูกพันกับพุทธศาสนามากมายถึงเพียงนี้

เมื่อเรามาย้อนดูเรื่องราวในพระไตรปิฎก จะพบเรื่องราวของพญานาคที่มีต่อพุทธศาสนาหลายเรื่องราว เช่น

– เมื่อตอนก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงตรัสรู้ พระองค์ก็ได้ทรงอธิษฐานลอยถาดเสี่ยงทาย ถาดที่ลอยทวนน้ำนั้นก็ตกไปอยู่กับพญากาลนาคราช นาคอาวุโสที่ใต้บาดาล ทำให้พญากาลนาคราช ทราบว่ามีพระพุทธเจ้าพระองค์ที่สี่ เสด็จมาอุบัติบนโลกแล้ว

– ตอนที่พระพุทธองค์ทรงประทับใต้โคนไม้จิก ได้มีพญานาคชื่อว่า “ มุจลินทร์ ” แปลงกายเป็นพญานาคแผ่พังพานปกป้องพระศาสดาจากละอองฝนและแมลงรบกวน เมื่อฝนสงบลง พญานาคมุจลินทร์จึงแปลงกายเป็นมาณพ ( ชายหนุ่ม ) ถวายสักการะ แสดงความเคารพแก่พระพุทธเจ้า

– ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จสู่ดาวดึงษ์ พญานาคชื่อนันโทปะนันทะ ได้สำแดงอหังการ ขัดขวางมิให้พระพุทธเจ้าขึ้นสวรรค์ แต่พญานาคนันโทปะนันทะ ถูกพระโมคคัลลานะปราบทิฐฐิลงด้วยอิทธิฤทธิ์จนสิ้น ยอมอ่อนน้อมต่อพระพุทธเจ้า ยึดถือไตรสรณาคมน์ไปตลอดชีพ

– เมื่อกาลพระพุทธศาสนาเจริญในพระชนม์ชีพของพระพุทธเจ้า มีนาคอยู่ผู้หนึ่งเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าอย่างมาก ถึงขั้นแปลงกายเป็นมนุษย์มาขอบวชกับพระพุทธเจ้า แต่ต่อมาความแตกเมื่อมีเพื่อนภิกษุด้วยกันมองเห็นภิกษุนาคผู้นี้กลับสู่สภาวะเดิม เป็นเหตุให้นาคตนนี้ต้องสึก แต่ก่อนจะสึก นาคขอฝากชื่อตนไว้ในพระศาสนา โดยให้เรียกผู้ที่กำลังจะบวชพระว่า “ นาค ” ทุกคน พระศาสดาก็ทรงอนุญาต

– ท้าวเอรกปัตถะนาคราชและพระธิดานาค ปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า จึงแต่งเพลงไว้ให้บุคคลแก้ปริศนา ปรากฎว่าอุตตระมานพได้หลงรักพระธิดานาคอย่างจริงจัง แต่ไม่ทราบความหมายของเพลง จึงทูลขอให้พระศาสดาแก้ปริศนาในเพลงให้ พระพุทธองค์ทรงแก้ปริศนาในเพลงจนสิ้น อุตตระมานพจึงไปแจ้งกับพระธิดานาค และ ท้าวเอรกปัตถะนาคราช ทำให้พญานาคราชสองพ่อลูกดีใจมาก รีบไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในทันที

– เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ พร้อมด้วยพระอรหันต์ ๕๐๐ รูป เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ ปวงพรหมในชั้นสุทธาวาส และปวงเทพยดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุได้มาประชุมกัน ที่ป่ามหาวันใกล้กับกรุงกบิลพัสดุ์ โดยในการประชุมใหญ่ครั้งนั้น ได้ปรากฎว่า เหล่านาคราช หรือ เจ้าแห่งนาคจากทุกหนแห่งในชมพูทวีป ต่างมาเข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง และนาคทั้ง ๔ สกุล ก็เดินทางมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน

– คราวครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ มีอยู่พระชาติหนึ่งทรงเสวยพระชาติเป็นพญานาค นามว่า “ ภูริทัต ” ทรงบำเพ็ญศีลบารมีอย่างเข้มข้น ทรงอดกลั้นรักษาศีลจนสำเร็จ

จากเรื่องราวของพญานาคในพระพุทธศาสนาที่นำเสนอมาในข้างต้น จึงเป็นที่มาของการสร้างรูปปั้นพญานาคไว้คู่กับพระอารามทางพุทธศาสนา และไม่ว่าพุทธศาสนาจะเผยแผ่ไปยังดินแดนแห่งใด ที่ดินแดนแห่งนั้นจะรับอิทธิพลในเรื่องของพญานาคราชไปด้วย และมักจะทำรูปปฎิมากรรมพญานาคเอาไว้ระลึกสอนใจพุทธบริษัททั้งหลายว่า “ ขนาดพญานาคเป็นแค่เดรัจฉาน ยังเพียรพยายามจะเข้าถึงพุทธศาสนา แล้วมนุษย์ที่เกิดมาเจอพุทธศาสนาแท้ ๆ อย่าทำตัวตกต่ำทางศีลธรรมกว่าพญานาค ” ไว้สำหรับเตือนใจพุทธบริษัท พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ให้ขวนขวายในพระธรรมคำสอน นำพาไปสู่ความรู้แจ้งทางปัญญา เห็นความอนิจจัง ทุกขัง อนันตาในสรรพสิ่ง แล้วปลงอัตตานำไปสู่โพธิญาณ