ที่มา : https://web.facebook.com/jiradejwong…
ผู้เขียน : ภูมิ จิระเดชวงศ์
เผยแพร่ : วันเสาร์ที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔

รายละเอียด

#ความลับแห่งการบรรจุชันษาพระชะตาเมืองในการสร้าง หลักเมืองประจำเมืองในอดีต
โดยภูมิ จิระเดชวงศ์

ส่วนประกอบสำคัญอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็น “ หัวใจ ” ของการสถาปนาเสาหลักเมืองขึ้นมา ก็คือ “ แผ่นจารึกดวงพระชะตาเมือง ” ที่จารึก วัน เดือน ปี ที่เป็นฤกษ์สิริมงคลสำหรับ “ การให้กำเนิดเมือง ” หรือ “ ทำให้เมืองมีชีวิต ” เพราะตามหลักปรัชญาไสยศาสตร์ เสาหลักเมืองเปรียบเสมือนรูป ส่วนดวงพระชะตาเมืองเปรียบเสมือนนาม ที่จะรองรับเอาวิญญาณธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ของเทวดาผู้เป็นพระหลักเมืองเข้ามาสถิตย์ พร้อมด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และอำนาจจากแสงดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์บนจักรวาล โดยมีฤกษ์เป็นตัวบังคับความเป็นไปของบ้านเมือง เปรียบเสมือนกับบุคคลที่เกิดมา แล้วสามารถทำนายอนาคตด้วยหลักวิชาโหราศาสตร์ได้ ประดุจเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ดวงฤกษ์ที่จะสำหรับสถาปนาเมือง จึงเป็นหัวใจหลักที่ใช้บรรจุในเสาหลักเมือง และเป็นส่วนที่ “ ปิดลับ ” ไม่อาจให้ผู้ใดล่วงรู้ได้ มิฉะนั้นแล้ว จะเกิดมหันตภัยจากการโจมตีโดยศัตรูทั้งมองเห็น และมองไม่เห็น

การลงพระชะตาเมือง เป็นพิธีสำคัญที่จะต้องจัดขึ้นเป็นการลับ กระทำกันในสถานที่ ที่เป็นวัดอันสงัด ปลอดผู้คน เพื่อไม่ให้มีผู้ใดมาก่อกวน ล่วงรู้ความลับของพิธี โดยโหรผู้ลง จะต้องชำระดวงชะตาอย่างเด็ดขาดแล้ว ว่ารูปดวงชะตาที่จะนำมาใช้ จะเกิดความเป็นสิริมงคลสูงสุดแก่บ้านเมือง เมื่อได้ดวงชะตาที่พร้อมแล้ว ก็จะกระทำพิธี “ ลงดวงชะตาเมือง ” ในสถานที่ ที่เป็นสิริมงคล และปราศจากผู้รบกวน ขั้นตอนการประกอบพิธี มีบันทึกอยู่ใน “ จดหมายพระราชพิธีบรรจุดวงชาตาพระนคร ” ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงปรีชาญาณในด้านโหราศาสตร์ ได้ทรงระบุไว้ดังนี้ คือ

“ ถึงวันฤกษ์ดีให้เอาแผ่นทอง แผ่นเงิน หนัก ๑ ตำลึง กว้างยาว ๑๒ นิ้ว ลงดวงชาตาเมืองในพระอุโบสถ ให้ตั้งศาลท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ทิศ ศาลพระอินทร์อยู่ท่ามกลาง มีกำนล ๓ ตำลึง แก่โหร ”

จะเห็นได้ว่า แม้แต่พิธีกรรมที่จะลงดวงชะตาเมือง ก็ยังจัดเป็นพิธีกรรมที่เคร่งครัด จะขาดเสียมิได้ในการสถาปนาเสาหลักเมือง ซึ่งเมื่อได้กระทำการจารึกดวงชะตาเมืองเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องรักษาดวงชะตาเมืองนี้ในที่ลับ จนกระทั่งถึงยกเสาหลักเมืองประดิษฐาน จึงนำเอาดวงชะตามาบรรจุในเสาหลักเมือง และอัญเชิญเทพยดาที่จะมาเป็นพระหลักเมือง มาสถิตย์ในเสา ภายใต้ฤกษ์ยามที่กำหนดแล้ว จึงเป็นอันเสร็จพิธี

การสถาปนาหลักเมืองในแต่ละครั้ง จึงมีความสำคัญ และจำเป็นที่จะต้องกระทำพิธีลงดวงพระชาตาเมือง เพื่อเป็น “ นาม ” ที่จะกำหนด “ การให้กำเนิด ” ของบ้านเมืองนั้น ๆ ให้วิวัฒนาสถาพรตลอดไป ขั้นตอนในพิธีกรรมนั้น จะต้องจัดในพระอุโบสถวัดสำคัญ มีชัยภูมิอันดี ตั้งราชวัตรฉัตรธงให้พร้อม เชิญพราหมณาจารย์ มากระทำการบวงสรวงเทพยดา และให้โหราจารย์ ผู้รอบรู้ในดาราศาสตร์ โหราศาสตร์อย่างแตกฉาน นุ่งขาวห่มขาวอย่างพราหมณ์โบราณ ทำการจารึกดวงพระชะตาเมืองลงในแผ่นทองคำ และจารยันต์ตามตำราบังคับลงหลักเมือง ภายในอาณาเขตราชวัตร เมื่อลงจารึกดวงชะตาและจารยันต์เสร็จแล้ว ก็นิมนต์พระภิกษุ ๙ รูป สวดพระราชปริตร ๑๒ ตำนานสมโภชน์ จึงเป็นอันเสร็จสิ้นแก่พิธีกรรมการจารึกดวงชะตาเมือง

เมื่อได้ดวงชะตาเมืองและพระยันต์ตามตำรับลงหลักเมืองแล้ว ก็ให้นำไปเก็บไว้ในที่อันสมควร จนกว่าจะถึงวันสถาปนาเสาหลักเมือง จึงเชิญดวงชะตาเมืองใส่ภาชนะอันเหมาะสม แล้วใส่ลงไปใต้ฐานเสาหลักเมือง จึงเป็นการบรรจุดวงชะตาหัวใจบ้านหัวใจเมืองที่สมบูรณ์

และการประกอบพิธี บรรจุพระชันษาชะตาเมือง ลงในเสาหลักเมือง หรือ บรรจุในหลุมเสาหลักเมือง โดยหลักแล้ว จะให้ พราหมณาจารย์ พร้อมคณะพราหมณ์ จากราชสำนัก เป็นผู้ประกอบพิธี แต่ถ้าหากในที่ ๆ ไม่สามารถหาพราหมณ์ได้ ใช้สมมติพราหมณ์ ที่เป็นคณะบัณฑิต สัปปบุรุษผู้ทรงศีล ที่นุ่งโจงกระเบนขาว สวมเสื้อราชปะแตนสีขาว ห่มผ้าสไบเฉียงสีขาวอย่างโหราจารย์ เป็นองค์คณะในการประกอบพิธีแทน จะไม่มีการสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่น ๆ หรือ สวมเสื้อในลักษณะ ที่ไม่ให้เกียรติแก่พิธีกรรมอันสำคัญนี้โดยเด็ดขาด

ซึ่ง ขั้นตอนการประกอบพิธีกรรมโดยคร่าว ๆ ของการ บรรจุพระชันษาชะตาเมือง ลงในเสาหลักเมือง จะกระทำหลังจากที่พราหมณ์ระดับชั้นครูได้ทำการบวงสรวงบูชาพระฤกษ์ และทำการประกาศโองการสถาปนาหลักเมืองไปแล้ว จึงนำ เอาดวงพระชันษาชะตาเมืองบรรจุลงในเสาหลักเมือง หรือ บรรจุลงในหลุมเสาหลักเมือง โดยต้องบรรจุแผ่นจารดวงเป็นประการท้ายสุด แล้วจึงยกเสาหลักเมืองลง ซึ่งการบรรจุชันษาพระชะตาเมือง หรือ การบรรจุดวงบ้านเมืองนี้ จะมีเพียงผู้รู้เห็นเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง

การทำพิธีจารึกดวงชะตาเมือง และ การบรรจุดวงชะตาเมือง จึงเป็นพิธีที่สำคัญ เป็นหัวใจของการสถาปนาเสาหลักเมืองในที่แห่งนั้น ซึ่งจะขาดเสียมิได้ และเป็นพิธีกรรมที่เป็น “ ความลับ ” ไม่สามารถแพร่งพรายให้แก่ผู้ใดทราบโดยเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะมีบันทึกหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน แต่ขั้นตอนการประกอบพิธีโดยละเอียดนั้น จะถ่ายทอดกันเป็นการภายใน ให้เป็นความลับไปเฉพาะบุคคล ดังนั้นแล้ว การจารึกดวงเมือง จึงเป็นที่ทราบกันน้อย เพราะเป็นเรื่องหัวใจสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะกำหนดอนาคตของบ้านเมืองว่าจะเป็นไปในทิศทางใด จึงไม่ใช่เรื่องที่จะบอกกล่าวกันได้ง่าย ๆ และคงต้องปล่อยให้ ส่วนที่เป็นรายละเอียดปลีก ย่อย กลายเป็นความลับต่อไป เพื่อมิให้ศัตรูผู้ใดเข้ามาทำลายขวัญกำลังใจของบ้านเมืองได้โดยเด็ดขาด