ที่มา : https://web.facebook.com/jiradejwong…
ผู้เขียน : ภูมิ จิระเดชวงศ์
เผยแพร่ : วันพฤหัสบดีที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕

รายละเอียด

ต้นปี พ.ศ. ๒๕๖๕ นั้นข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นคือ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น ให้บุคคลที่ติดเชื้อโควิด-๑๙ (ไม่รุนแรง) รักษาตนเองที่บ้านได้ ไม่มีการจ่ายยาฝรั่ง (ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งเป็นยาต้านเชื้อไวรัสที่อยู่ในสูตรยารักษาผู้ป่วย COVID-19) ให้กับผู้ป่วย โดยจะจ่ายยารักษาตามอาการ โดยมีคำแนะนำให้ทานฟ้าทะลายโจรควบคู่ ซึ่งเราต้องมีความเข้าใจให้ดีว่า ฟ้าทะลายโจรนั้น จะทานติดต่อกันเกิน 7 วันไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะมีผลข้างเคียงตามมา เช่น การเกิดปัญหาหูดับได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่ายาไทยนั้นมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้ ซึ่งผู้เขียนนั้นได้ติดตามเรื่องโรคระบาดนี้มาตั้งแต่การเริ่มต้นระบาด (มกราคม ๒๕๖๓) ร่วมกับครูของผู้เขียน (ครูกีชา วิมลเมธี ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ซึ่งยาไทยนั้น มีสมุนไพร ๑ ตัว กับยา ๓ ตำรับ ที่ใช้ในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและหาตัวยาได้ง่าย คือ ๑. สมุนไพรฟ้าทะลายโจร (ไม่ใช่ยา) ๑ ตัว ๒. ตำรับไทยยาแก้วห้ารากหรือยาแก้วห้าดวง (เบญจโลกวิเชียร) ๓. ตำรับไทยยาจันทลีลา ๔. ตำรับยาไทย ยาบำรุงปอด – ตับ ยาบรรเทาโรคปอดพิการ
 
ซึ่งที่ผ่านมานั้นเป็นที่ประจักษ์ในหลาย ๆ พื้นที่ ที่ได้รับยาเพื่อรักษาการเจ็บป่วยได้อย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ในความดูแลของหมอผู้ที่มีความรู้ โดยที่ดีที่สุดคือตัวเราเองนั้นต้องป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ แต่เมื่อติดแล้วต้องทราบวิธีการรักษาและดูแลตนเอง ตลอดจนการรับผิดชอบต่อคนรอบข้าง บนโลกใบนี้มีโรคระบาดทุกยุคทุกสมัย การตั้งสติ การเตรียมตัว การป้องกัน การรักษา เป็นเรื่องธรรมดาที่เรานั้นต้องมีความเข้าใจ ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ซึ่งโดยสรุปคือ โควิด-๑๙ หากเป็นแล้วรักษาให้หายได้ อีกไม่นานทุก ๆ อย่างจะเข้ารูปเข้ารอยชีวิตจะดำเนินกันต่อไปครับ
 
บทความเรื่อง ยาไทยที่ใช้รักษาโรคโควิด-๑๙ ที่ได้เคยเผยแพร่ไปครับ อ่านกันดูครับ
 
เมื่อเกิดโรคระบาด ในอดีตใช้ตำรับยาใดในการรักษา
 
ตำรับยาจากพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้รักษาโรคระบาด
ในเมืองตักกะศิลา เกิดวิปริตเมืองห่าลงเมือง ท้าวพระยาไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งปวง เกิดความไข้ล้มตายเป็นอันมาก คนที่เหลือตายออกจากเมืองตักกะศิลาไป ยังเหลือแต่เปลือกเมืองเปล่า ต่อมา มีฤๅษีมิได้ปรากฏนาม โคจรมาจากป่าหิมพานห์ มองเห็นแต่เมืองเปล่า มีแต่ซากศพตายก่ายกองทั้งบ้านเมือง จึงทราบว่าไข้ห่าลงเมือง ฤๅษีจึงมีใจกรุณาแต่งคัมภีร์ตักกะศิลาไว้ เพื่อแพทย์ในเบื้องหน้า ด้วยภูมิปัญญาทางฌานสมาบัติของท่าน ให้ลักษณะอาการเพื่อจะได้สืบอายุของสัตว์ไว้
 
ในพระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดจะรักษาโรคไข้พิษ ไข้เหนือ มีมากมายหลายจำพวก ให้จัดการปั้นรูปดาบสไว้บูชาเสียก่อน โดยให้เอาดินโป่ง ๗ โป่ง ดินท่า ๗ ท่า ดินจอมปลวก ๗ จอม ดินสระ ๗ สระ ดินป่าช้า ๗ ป่าช้า เอาขี้เถ้าของคนที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร แล้วนำเอา ใบราชพฤกษ์ ใบชัยพฤกษ์ ใบคันธพฤกษ์ ใบชุมแสง ใบทั้งสี่นี้เอาส่วนเสมอภาค นำเอามารวมกันเผาไฟให้เป็นขี้เถ้า แล้วเอาไปผสมกับส่วนผสมในข้างต้น ปั้นเป็นรุปพระดาบสไว้บูชาเวลาปรุงยา ให้ใช้พระคาถานี้
 
อธิเจตโส อปมัชชโต โมนปเถ สุสิกขโต โสกานัพพวันติ ตาทิโน อุปสันตัสสะ สติมะโต
 
พระคาถานี้ ให้เสกน้ำล้างหน้ารดตัว ผู้ที่จะเรียนเป็นแพทย์ และใช้เสกน้ำมนต์ประคนไข้ ก่อนที่จะรักษาด้วยยาต่อไป
 
ตามพระคัมภีร์ตักกะศิลา ว่าด้วยซึ่งโรคระบาดเร็วเหมือนห่าลงเมือง ใช้คำเรียกโรคระบาดว่า ไข้พิษ โรคไข้เหนือ และ โรคไข้กาฬ การแพทย์แผนไทย ได้อธิบายโรคร้ายนี้ไว้ว่า
 
#ไข้พิษ ได้แก่ไข้รากสาด ไข้อีดำอีแดง ไข้มาลาเรีย ไข้มหาเมฆ ไข้มหานิล เป็นต้น อาการทั่วไปของไข้พิษ คือ ปวดศีรษะ ตัวร้อนดุจเปลวไฟ ปากแห้ง ฟันแห้ง น้ำลายเหนียว ตาแดงคล้ายสายเลือด ร้อนใน กระหายน้ำ มือเท้าเย็น มีเม็ดขึ้นตามร่างกายเล็กบ้างใหญ่บ้าง มีสีต่าง ๆ กัน ดำก็มี แดงก็มี เขียวก็มี เป็นต้น
 
#ไข้เหนือ คือ ไข้ป่า เรียกกันว่าไข้จตุดง คือป่า ๔ ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และ ภาคใต้ ไข้เหนือ บางทีก็เรียกว่าไข้จับสั่น เมื่อล้มไข้ลงให้ปวดศีรษะ หนาวสั่น มือเท้าเย็น ท้องผูก กระหายน้ำ ปวดปัสสาวะ หน้าซีด เบื่ออาหาร ร้อนภายในสูง หนาวสั่น สร่างไข้เหงื่อไหลออก ลุกขึ้นได้ ถ้าแก้ไม่หาย ถึงกับเสียชีวิต
 
#ไข้กาฬ มีความร้อนจากภายในมาก ๆ เป็นกำลัง กำลังความร้อนสูง จะมีเม็ดเกิดขึ้นเหมือนยุงกัด สีแดงเกิดขึ้นตามลำไส้ ไต ปอด ม้าม ผุดออกมาตามผิวหนังภายนอกเป็นแว่นเป็นวง เป็นเม็ดสีดำ สีแดง สีไหม้เกรียม จะเสียชีวิตภายใน ๗ – ๑๑ วัน
 
โดยสรุป โรคไข้พิษ โรคไข้เหนือ โรคไข้กาฬ อาการที่เป็น คือ ความร้อนสูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ผุดออกเป็นเม็ด ผุดเป็นแว่นเป็นวง มีสีต่าง ๆ กัน มีทั้งสีแดง สีเขียว สีดำ ขึ้นทั่วร่างกาย
 
การดูแลรักษาคนป่วย ให้แต่งยากระทุ้งพิษ ( เป็นการทำให้พิษไข้ถูกขับออกมาภายนอก ) เป็นสูตรตำรับยาหม้อแรก เรียกว่า
 
#ยาแก้วห้าดวง ( เบญจโลกวิเชียร ) ท่านให้เอา รากคนทา รากเท้ายายม่อม รากชิงชี่ ( เหม็งซอ ) รากหญ้านาง รากมะเดื่อทุมพร ส่วนน้ำหนักเสมอภาคต้มให้กินเพื่อกระทุ้งพิษ ( กระทำให้พิษถูกขับออกภายนอก ) ต่อไปปรุงยารักษาไปตามอาการที่เป็นในลักษณะคล้ายคลึงกัน จำพวกไข้พิษ ไข้เหนือ ไข้กาฬ มีอยู่ ๖๗ ชื่อ
 
ข้อห้ามของแสลง ห้ามใช้ยาเผ็ด ยาร้อน ยาเปรี้ยว ห้ามประคบ ห้ามนวด ห้ามถ่ายเลือด ห้ามถูกน้ำมัน สุรา และ น้ำร้อนสัมผัสผิว รวมถึงส้มมีผิว กะทิ และห้ามอาบน้ำแล้ว ข้อห้ามเมื่อวินิจฉัยแล้วว่าเป็นไข้พิษ ไข้เหนือ ไข้กาฬ หรือในเครือข่าย ๖๗ รายชื่อ จึงห้าม
 
#ยาจันทลีลา เป็นยาแก้ไขในแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ฉบับหลวงเช่นกัน และเป็นยาสามัญประจำบ้านของแพทย์แผนไทย มีตัวยา ๘ ตัว คือ โกฎสอ โกฏิเขม่า โกฏิจุฬาลัมภา จันทน์เทศ จันทน์แดง ลูกกระดอม บอระเพ็ด ปลาไหลเผือก จะใช้ต้มหรือบดผงก็ได้ ส่วนน้ำหนักเสมอภาค
มีสรรพคุณ ในการแก้ไข้ ตัวร้อน ไข้หวัด ไข้สามฤดู คือ
ไข้คิมหันตฤดู เดือน ๕ , ๖ , ๗ , ๘
ไข้วัสสานะฤดู เดือน ๙ , ๑๐ , ๑๑ , ๑๒
ไข้เหมันตฤดู เดือน ๑ , ๒ , ๓ , ๔
ยาจันทลีลา และยาแก้วห้าดวง เหมาะสมที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในเหตุการณ์ปัจจุบันได้ดี ดีกว่าไม่ใช้เสียเลย
 
บทความนี้ หมอกีชา วิมลเมธี บ.ภ. บ.ว. บ.ผ. ซึ่งเป็นครูของผู้เขียน ได้เรียบเรียงไว้ ในการระบาดของโรคระบาด โควิด-๑๙ ในครั้งแรกนั้น ศูนย์แพทย์แผนไทยศาลามีชัย นครศรีธรรมราช ได้จัดทำโครงการแจกยาไทย ให้คำปรึกษา ให้ความรู้ เพื่อเตรียมการรองรับในวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันนั้นสถานการณ์เดินทางมาถึงจุดที่น่ากังวลมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราทุกคนนั้นต้องเตรียมตัว เตรียมความพร้อม ตั้งสติให้ดี ทางการแพทย์สมัยใหม่ก็เดินหน้าไป ด้านแพทย์แผนไทยก็มีตำรับยาไทยที่พอบรรเทาไปได้ ประเทศไทยนั้นมีตัวยาสมุนไพรอย่างพร้อมเพรียง หากตั้งหลักให้ดี บ้านเมืองนี้ย่อมมีทางออกเสมอ บรรพชนได้มอบสิ่งดี ๆ ไว้ให้เราอย่างมากมาย ในยามวิกฤตเราถึงได้มานั่งหวนคิดในสิ่งที่เรามี เพราะสุดท้ายทุกประเทศในโลก เขาก็ต้องเอาความปลอดภัยของประชาชนเขาก่อนเสมอ เราพึ่งตนเองได้เป็นดีที่สุดครับ
 
ด้วยความเคารพ ภูมิ จิระเดชวงศ์
 
สูตรตำรับยาไทย ยาบำรุงปอด – ตับ ยาบรรเทาโรคปอดพิการ
ในสภาวะที่โลกกำลังต้องเจอกับโรคระบาดไวรัส โควิด-๑๙ นั้น เมื่อติดเชื้อแล้ว เชื้อจะเข้าไปทำลายปอดเป็นหลัก ในทางแพทย์แผนไทยนั้นมีสมุนไพรหลายชนิดที่สามารถนำมาช่วยในการทำให้ปอดแข็งแรง มีพลังมากขึ้น จากการที่ผู้เขียนได้ศึกษาด้านแพทย์แผนไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีท่านครูกีชา วิมลเมธี เป็นครูผู้ให้ความรู้คอยสั่งสอนผู้เขียนในด้านนี้มาโดยตลอด ในช่วงต้นที่มีการระบาดของโรคโควิด-๑๙ นั้น ผู้เขียนได้หารือกับครูกีชา วิมลเมธี เกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือในด้านแพทย์แผนไทย ซึ่งได้พบว่ามีตำรับยาไทยที่สามารถเป็นยาบำรุงปอด – ตับ ให้มีพลังมากขึ้น จึงได้ขออนุญาตครูนำมาเผยแพร่เพื่อเป็นแนวทาง อีกทางหนึ่งให้ประชาชนต่อไป ปัจจุบัน ครูกีชา วิมลเมธี ท่านได้เสียชีวิตแล้ว และยาที่ท่านมอบให้นี้เป็นสูตรยาตำรับสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะจากไปด้วยวัย ๘๙ ปี
 
สูตรตำรับ #ยาบำรุงปอด – ตับ
ยาตำรับนี้ ไม่ได้รักษาโรคปอด – ตับ แต่เป็นยาบำรุงปอด – ตับ ให้มีพลังมากขึ้น ( ห้ามนำไปใช้ในการรักษาโรคทุกประเภท ) ประกอบด้วย
๑. รากสามสิบ
๒. ขอนดอก
๓. เนื้อไม้กฤษณา
๔. หญ้าปิ่นตอ
๕. แก่นจันทน์แดง
๖. แก่นจันทน์เทศ
๗. หญ้าเท้านก
๘. ผลมะคำดีควาย ( เผาไฟจนเป็นถ่านดำ ก่อนจะนำไปใส่หม้อยา )
๙. เม็ดมะกอก ( เผาไฟจนเป็นถ่านดำ ก่อนจะนำไปใส่หม้อยา )
เอาหนักสิ่งละ ๓ บาท เสมอภาค ใส่รวมกันในหม้อดิน ต้ม ๓ เอา ๑ ขนาดรับประทาน ก่อนอาหาร เช้า – เย็น ครั้งละ ๓ – ๔ ช้อนคาว ( ประมาณครึ่งแก้ว )
สรรพคุณ ใช้บำรุงปอด – ตับ เท่านั้น ห้ามนำไปใช้กับโรคอื่น ๆ ทั้งหมด และไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นยาเพิ่มพลัง บำรุงปอด – ตับ เท่านั้น
 
ถ้าหมอวินิจฉัยแล้วว่า ปอด หรือ ตับพิการ ติดเชื้อ อ่อนแอ หายใจไม่สะดวก แน่นหน้าอก หายใจติดขัด เจ็บที่ปอดหรือตันเป็นบางครั้ง ( ห้ามนำไปใช้กับโรคอื่น ๆ ใช้เฉพาะโรคปอดและตับ เท่านั้น )
๑. โกฐหัวบัว หนัก ๕ บาท ( ถ้าไม่มีใช้กระเทียมแทน )
๒. ไพล หนัก ๒ บาท
๓. โกฐจุฬาลัมพา หนัก ๒ บาท ( ถ้าไม่มีใช้หญ้าตีนนก )
๔. แก่นจันทน์ชะมด หนัก ๒ บาท
๕. หัวเต่าเกียด หนัก ๒ บาท
๖. แก่นจันทน์เทศ หนัก ๒ บาท
๗. ลูกผักชี หนัก ๒ สลึง
๘. ชะเอมเทศ หนัก ๓ บาท
ใส่รวมกันในหม้อดิน ต้ม ๓ เอา ๑
ขนาดรับประทาน ครั้งละ ๓ – ๔ ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารเช้า – เย็น
( ห้ามนำไปใช้กับโรคอื่น นอกจากโรคปอด – ตับ ที่หมอวินิจฉัยแล้ว )
 
ยาบรรเทาโรคปอดพิการ ( อีกสูตรหนึ่ง )
๑. รากเสียด หนัก ๒ บาท
๒. แก่นจันทน์แดง หนัก ๑ บาท
๓. หัวเต่ารั้ง หนัก ๑ บาท
๔. หัวเต่าเกียด หนัก ๑ บาท
๕. โกฐเชียง หนัก ๑ บาท ( ถ้าไม่มีใช้ไพลแทน )
๖. ใบเงินใบทอง หนัก ๑ บาท
๗. ลูกผักชี หนัก ๒ สลึง
๘. ขัณฑสกร หนัก ๑ ไพ
ใส่รวมกันในหม้อดิน ต้ม ๓ เอา ๑
ขนาดรับประทาน ครั้งละ ๓ – ๔ ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารเช้า – เย็น
( ห้ามนำไปใช้กับโรคอื่น ต้องให้หมอวินิจฉัย แล้วพบว่า ปอด – ตับไม่สมบูรณ์ ใช้ยานี้ได้ )
 
ตำรับยาทั้ง ๓ ตำรับนี้ ห้ามผลิต หรือ ปรุงจำหน่าย จ่าย แจก หรือ แลกเปลี่ยนทางการค้าโดยเด็ดขาด ใช้เฉพาะตนเอง ครอบครัว หรือ กัลยาณมิตรตามศีลธรรม (อ.กีชา วิมลเมธี)