ที่มา : https://web.facebook.com/SanNakhonsithammarat…
ผู้เขียน : วันพระ สืบสกุลจินดา
เผยแพร่ : วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

รายละเอียด

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จพระราชดำเนินเมืองนครศรีธรรมราช ๕ ครั้ง คือตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๓๑, ๒๔๓๒, ๒๔๔๑, ๒๔๔๓ และ ๒๔๔๘ ทั้งนี้ในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งแรกนั้นเนื่องจากเสด็จแปรพระราชฐานตามคำกราบบังคมทูลเชิญของแพทย์หลวงด้วยพระอาการประชวรจึงมิได้ทรงพระราชหัตถเลขาพระราชกรณียกิจไว้เหมือนครั้งอื่น ในที่นี้จะได้ยกตัวอย่างการเสด็จพระราชดำเนินเมืองนครศรีธรรมราชครั้งสำคัญ ดังนี้

ระหว่างวันที่ ๑๑ – ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๓๑

เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และเจ้านายฝ่ายหน้าฝ่ายในบางองค์โดยเรือพระที่นั่งอุบลบุรพทิศเป็นเรือพระที่นั่ง เรือเวสาตรีเป็นเรือพระที่นั่งรอง ในวันอังคาร เดือนสิบ ขึ้น ๖ ค่ำ เวลาบ่าย ๓ โมง ถึงปากอ่าวเมืองนครศรีธรรมราช เจ้าพระยาสุธรรมมนตรีศรีธรรมราชมารับเสด็จ เสด็จตามลำน้ำปากพญาแล้วทรงขึ้นเมืองที่ท่าโพธิ์

เสด็จพระราชดำเนินวัดพระมหาธาตุ “วันพฤหัสบดี เดือนสิบขึ้นแปดค่ำ เสด็จประพาสในเมืองนครศรีธรรมราช ทอดพระเนตรเทวสถานอยู่สองข้างทางที่เข้าไปเป็นสถานพระอิศวรสถาน สถานพระนารายณ์สถาน มีพราหมณ์ซึ่งสืบตระกูลมาแต่โบราณอยู่ประจำ และมาคอยรับเสด็จถวายน้ำสังข์ ณ ที่นั้น ต่อเทวสถานไปถึงจวนเสด็จบูชาพระสิหิงค์และทอดพระเนตรจวน เจ้าจอมมารดาน้อยใหญ่ในรัชกาลที่ ๓ ธิดาของเจ้าพระยานครน้อย ซึ่งกราบถวายบังคมลาออกมาอยู่บ้านเดิม ณ เมืองนครมารับเสด็จ แล้วเสด็จไปยังวัดพระมหาธาตุ ซึ่งอยู่เกือบสุดเมืองด้านใต้ เป็นวัดโบราณใหญ่โต องค์พระบรมธาตุเป็นรูปพระเจดีย์ลังกาหุ้มทองคำ แต่ปลีขึ้นไปจนถึงยอด นับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก เสด็จไปนมัสการแลเวียนเทียนพระมหาธาตุแล้ว โปรดให้มีมหรสพสมโภชวันหนึ่ง”

ระหว่างวันที่ ๒ – ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๔๑

เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ถึงปากอ่าวเมืองนครศรีธรรมราชตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๔๔๑ ทอดสมอในอ่าว ๑ คืนแล้วเสด็จขึ้นเมืองในวันรุ่งขึ้น

วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๔๔๑ เวลาเช้าประมาณ ๗ นาฬิกา เสด็จลงเรือพระที่นั่งกรรเชียงมาเข้าปากพูน เนื่องจากที่ปากน้ำเป็นเลนน้ำตื้นจึงต้องเข็นเรือพระที่นั่งเข้ามาราว ๒๐๐ เมตร จึงสามารถตีกรรเชียงต่อไปได้ มีพลับพลาที่ประทับที่บ้านปากพูน แล้วทรงม้าพระที่นั่งไปตามถนนขึ้นไปถึงท่าแพเลี้ยวลงทางทิศใต้มาถึงตลาดท่าวัง มีการตกแต่งใบไม้แบบธงผูกซุ้มรับเสด็จเป็นการครึกครื้น ระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตรถึงพลับพลาที่ประทับแรมเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นแม่กองจัดการอยู่ที่หมู่ประดู่ใหญ่ นอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ

ครั้งเวลา ๕ โมงเย็น เสด็จออกทรงพระราชยาน พร้อมด้วยกระบวนนำจากพลับพลาค่ายหลวงเข้าเมืองทางประตูทิศเหนือไปตามทางใหญ่ถึงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เสด็จประทับในวิหารธรรมศาลา ทรงจุดเทียนนมัสการถวายพานพุ่มพระพุทธรูปแล้วทรงประเคนเทียนร้อยแก่พระครูฐานานุกรมเปรียญในเมืองนครศรีธรรมราช แล้วทรงประเคนผ้าไตรพระสงฆ์ ๒๐ รูป ครองไตร แล้วสวดพระพุทธมนต์สมโภชพระบรมธาตุเจดีย์แล้วเสด็จพระวิหารพระทรงม้า เสด็จพระราชดำเนินขึ้นบนชั้นทักษิณ ทรงประทักษิณพระบรมธาตุเจดีย์ แล้วทรงจุดเทียนนมัสการแลถวายพานพุ่ม แล้วเสด็จลงทรงจุดเทียนพรรษา ๓ เล่ม บูชาพระบรมธาตุเจดีย์ที่ในวิหารพระทรงม้า ทรงพระราชดำเนินทอดพระเนตรฐานพระศรีมหาโพธิ์และพระวิหารเขียน โปรดเกล้า ฯ ให้พราหมณ์เบิกแว่นเทียน แล้วเสด็จประทับที่พลับพลาซึ่งพระครูเทพมุนี (ปาน) ทำขึ้นถวาย เป็นพลับพลาหลังคามุงกระเบื้อง มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันประดับกระจก กับทั้งมีจดหมายเหตุการเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนี้ได้บันทึกเรื่องการบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์เอาไว้ว่า “…ที่พระบรมธาตุนี้พระครูเทพมุนีได้จัดการปฏิสังขรณ์ได้ชักชวนชาวเมืองในหัวเมืองมลายูปักษ์ใต้ฝ่ายตะวันตกทั้งปวง ให้ช่วยด้วยทุนทรัพย์เงินทองสิ่งของแลช่วยด้วยกำลังแรง ผู้มีศรัทธามาช่วยเป็นอันมาก ได้ตั้งทำการเป็นการใหญ่จัดการปฏิสังขรณ์ในบริเวณพระมหาธาตุทั่วไป และได้มีการสมโภชพระบรมธาตุในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้…” เสด็จประทับที่พลับพลาแล้วทอดพระเนตรละครเรื่องอิเหนา แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับค่ายหลวงเวลา ๒ ทุ่มเศษ มีหนังตะลุงเล่นถวายที่พลับพลา

วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๔๔๑ เวลากลางวันเสด็จออกทอดพระเนตรละครมโนห์รา มีเล่นถวาย ๒ โรง ทรงรับสั่งด้วยเรื่องปฏิสังขรณ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารกับพระครูเทพมุนี ทรงพระราชดำริที่จะทรงปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ราย แล้วทอดพระเนตรแห่ผ้าที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ทำขึ้นห่มพระบรมธาตุ และพระรัตนธัชมุนี (ขณะนั้นเป็นพระมหารตนธโช) เข้าเฝ้า ทรงรับสั่งถามด้วยการเล่าเรียน พระพิธีธรรมและทำนองการสวดภาณยักษ์อย่างทำนองที่สวดกันอยู่ เวลา ๕ โมงเย็นเสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่ศาล ทอดพระเนตรผู้พิพากษาชำระตัดสินความ แล้วเสด็จทรงนมัสการพระพุทธสิหิงค์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับเข้าไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารอีกครั้งหนึ่ง

ประทับในวิหารพระธรรมศาลา ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้พระมหารัตนธโช (ม่วง) เปรียญ ๔ ประโยค วัดท่าโพธิ์เป็นพระศิริธรรมมุนี ที่พระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่เมืองนครศรีธรรมราช มีนิตยภัตเดือนละ ๔ ตำลึง กับทั้งเลื่อนพระครูเทพมุนี เป็น “พระครูเทพมุนีศรีสุวรรณถูปาภิบาล” เจ้าคณะเมืองนครศรีธรรมราช มีนิตยภัตเดือนละตำลึงกึ่ง พระราชทานไตรแพรทั้งสองรูป แต่ตาลปัตรแฉกหักทองขวางสำหรับพระศิริธรรมมุนี และตาลปัตรพุดตานหักทองขวางสำหรับพระครูเทพมุนีนั้น โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานส่งออกมาถวายในภายหลัง ขณะพระราชทานสัญญาบัตรนั้น มีพระสงฆ์สวดชยันโต ๑๐ รูป แล้วพระศิริธรรมมุนีถวายยถา แต่ไม่ได้ถวายอดิเรก ครั้งเสด็จการทรงตั้งตำแหน่งยศพระสงฆ์แล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระบรมธาตุที่วิหารพระทรงม้า แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับในลานพระบรมธาตุด้านทิศใต้ ทรงเสด็จเป็นองค์ประธานพร้อมด้วยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงในการยกจันทันพระวิหารทับเกษตรมุมตะวันออกเฉียงใต้ โดยทรงจับเชือกชักจันทันแล้วพระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนข้าราชการจับเชือกกันต่อไป จากนั้นเสด็จไปทอดพระเนตรและประทับ ณ กุฎีของพระครูเทพมุนีที่วัดหน้าพระธาตุ แล้วเสด็จกลับไปทอดพระเนตรละครของคุณนายทรัพย์ภริยาของพระศิริธรรมบริรักษ์ เรื่องรามเกียรติ์

วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๔๔๑ เวลา ๑๐ นาฬิกา เสด็จขึ้นทรงช้างพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินจากค่ายหลวงไปข้ามลำน้ำ แล้วผ่านไปในทุ่งนาเข้าในป่าถึงสวนมังคุดบ้านยวนแหล ท่ามกลางดงมังคุดใหญ่ มีพลับพลาปลูกรับเสด็จตกแต่งสถานที่เตียนสะอาด ทรงประทับในสวนนั้นแล้วเสวยพระกระยาหารกลางวัน มีเพลงบอกทอกถวาย จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับมายังสนามหน้าเมือง ทอดพระเนตรหมู่บ้านแขกที่ริมคลองท่าเรียน เสด็จกลับเวลาค่ำทอดพระเนตรละครของคุณนายพิณภริยาของพระศิริธรรมบริรักษ์ เรื่องอิเหนา เป็นละครโรงเดียวกันกับที่เล่นถวายทอดพระเนตรในวัดพระมหาธาตุ ฯ เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๔๔๑

วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๔๔๑ เวลาบ่าย ๓ โมง เสด็จออกทรงม้าพระที่นั่งจากพลับพลาที่ประทับแรม เข้าในกำแพงเมืองเลี้ยวไปทางถนนริมกำแพงเมือง ประทับทอดพระเนตรเรือนจำที่แต่เดิมอยู่ ณ ป้อมหน้าเมือง ทรงม้าพระที่นั่งต่อไปตามถนนริมกำแพงด้านทิศตะวันตก เลี้ยวเข้าถนนใหญ่ประทับที่วัดพระมหาธาตุ ฯ ทรงนมัสการแล้วทอดพระเนตรการปฏิสังขรณ์ในลานพระมหาธาตุ ทรงพระราชดำริจะปฏิสังขรณ์วิหารสามจอม แล้วทรงม้าพระที่นั่งเสด็จประทับที่ศาลพระเสื้อเมือง (ในจดหมายเหตุ ฯ เรียกว่า“ศาลหลักเมือง”) เพื่อทรงทอดพระเนตรเทวรูป แล้วเสด็จพระราชดำเนินออกนอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ ผ่านพลับพลาค่ายหลวง มีพระสงฆ์สวดชยันโตที่วัดประตูขาว ทรงหยุดม้าพระที่นั่งใต้ร่มไม้ใหญ่อยู่ครู่หนึ่งแล้วเสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังป่าละเมาะ ทรงพระสำราญอยู่ ณ ที่แห่งนั้นด้วยเป็นเนินที่มีต้นไม้เป็นหย่อม ๆ มีที่เตียนเขียวขจี แลไปเห็นทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา มีต้นสายหยุดออกดอกหอมระรื่น จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานที่แห่งนั้นว่า “สวนราชฤดี” ในบริเวณยาวประมาณ ๖๐ เส้น กว้าง ๑๕ เส้น หรือประมาณ ๒ ตารางกิโลเมตร จากนั้นทรงม้าพระที่นั่งเสด็จไปยังท่าแพ ประทับเสวยเครื่องว่างที่พลับพลาริมสะพานข้ามคลองท่าแพ ก่อนจะเสด็จลงเรือพระที่นั่งกรรเชียงมีเรือสกรูจูงไปถึงเรือพระที่นั่งมหาจักรีเสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังเกาะพงันตามหมายกำหนดการ

ระว่างวันที่ ๓ – ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๔๘

วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๔๔๘ เสด็จประทับเรือพระที่นั่งกรรเชียง มีเรือกลไฟจูงถึงปากน้ำปากพูนมาขึ้นที่ท่าแพ ในบริเวณนี้จดหมายเหตุระบุว่าเป็น “ต้นทางถนนราชดำเนิน” ครั้งนั้นพระยาสุขุมนัยวินิต พระยาสุนทรานุกิจ กับข้าราชการมณฑลนครศรีธรรมราช เฝ้ารับเสด็จอยู่ที่พลับพลาท่าน้ำ ทรงมีพระราชดำรัสตอบแล้ว เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปตามถนนราชดำเนินไปยังวัดสวนป่าน ทอดพระเนตรที่ตั้งศพเจ้าจอมมารดาน้อยใหญ่ในรัชกาลที่ ๓ กับหม่อมราชวงศ์หญิง มารดาพระยานครศรีธรรมราช แล้วเสด็จวัดพระมหาธาตุ ทรงนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ แล้วเสด็จประทับในวิหารธรรมศาลา พระราชาคณะ พระครูฐานานุกรม เจริญพระพุทธมนต์เป็นการสมโภชพระบรมธาตุเจดีย์ เวลาค่ำเสด็จกลับพลับพลาประทับแรม

วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๔๔๘ เวลา ๗ นาฬิกา เสด็จทรงรถพระที่นั่งทรงฉายรูปในระยะเสด็จพระราชดำเนินจนถึงวัดพระมหาธาตุ พระราชทานอาหารบิณฑบาตเลี้ยงพระสงฆ์ แล้วเสด็จทอดพระเนตรในเขตวัด ทรงฉายรูป ประทับเสวยเครื่องว่างที่ในวัด แล้วเสด็จมาประทับในวิหารพระธรรมศาลา ทรงจุดเทียนนมัสการ แล้วพระสงฆ์ที่ฉันนั้น สวดถวายอนุโมทนาจบแล้ว พราหมณ์เวียนเทียนสมโภช เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จกลับมาประทับที่พลับพลาประทับแรมเพื่อทรงเตรียมพระองค์สำหรับพิธีพระราชทานเพลิงศพในเวลา ๔ โมงเย็น เมื่อเสด็จถึงวัดสวนปาน ทรงลั่นนาคเพลิงและทรงฝักแคพระราชทานเพลิงศพเจ้าจอมมารดาน้อยใหญ่ และศพหม่อมราชวงศ์หญิง พระราชทานไตรบังสุกุลศพละ ๕ ไตร ผ้าขาวศพละ ๑๐ พับ จากนั้นทรงเสด็จประพาสตามถนนรอบกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตกแล้วเสด็จกลับพลับพลาประทับแรม

วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๔๔๘ เวลาประมาณ ๙ นาฬิกา เสด็จออก ณ สนามหน้าพลับพลาทอดพระเนตรการแห่ผ้าห่มพระบรมธาตุ จากนั้นเสด็จออกทรงรถประพาสวัดพระมหาธาตุ ประทับที่วิหารพระทรงม้าแล้วทรงฉายรูป ทอดพระเนตรพระระเบียง พระวิหารเขียน พระศรีมหาโพธิ์แล้วมาประทับทอดพระเนตรละคอนของคุณนายทรัพย์ภริยาพระศิริธรรมบริรักษ์แล้วเสด็จกลับพลับพลา

วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๔๔๘ เวลาเช้าเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประพาสสวนสหาย ทรงฉายรูปแล้วเสด็จต่อไปถึงสวนราชฤดี ประทับทรงฉายรูปแล้วเสด็จกลับมาเลี้ยวขึ้นถนนท่าโพธิ์เลียบคลองไปจนถึงวัดท่าโพธิ์ เสด็จประทับในพระอุโบสถ พระรัตนธัชมุนี (ครั้งเป็นพระสิริธรรมมุนี) กับพระสงฆ์รับเสด็จอยู่ที่วัดนี้ ประทับตรัสกับพระรัตนธัชมุนีแล้วเสด็จทอดพระเนตรโรงเรียน กุฏิ และหอไตร ทรงฉายรูปและพระราชทานเสมาแก่นักเรียน เสด็จกลับมาประทับทอดพระเนตรสำนักงานกรมแผนที่แล้วเสด็จกลับพลับพลา ครั้นเวลา ๔ โมงเย็น เสด็จทรงรถพระทั่งนั่งไปประทับ ณ หอนั่งในจวนของเจ้าพระยานครศรีธรรมราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเชิญพระอัฐิและอัฐิของท่านผู้ที่เนื่องในวงศ์เมืองนครศรีธรรมราช ได้แก่

พระอัฐิ
๑. สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ
๒. พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปัทมราช
๓. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมวงศ์

อัฐิ
๑. เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัด)
๒. เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย)
๓. เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อยกลาง)
๔. เจ้าจอมมารดานุ้ยใหญ่ ในรัชกาลที่ ๑
๕. เจ้าจอมมารดานุ้ยเล็ก ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
๖. ท่านผู้หญิงอิน ภริยาเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย)
๗. เจ้าพระยามหาสิริธรรม
๘. พระยาสเน่หามนตรี
๙. เจ้าจอมมารดาน้อยใหญ่ ในรัชกาลที่ ๓
๑๐. หม่อมราชวงศ์หญิง หลานเจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทร์รณเรศวร

รวมทั้งสิ้น ๑๓ พระโกศ/โกศ มาจัดบนที่ตามลำดับศักดิ์ แล้วทรงทอดผ้าไตร ๕ ไตร ผ้าขาว ๑๐ พับ สดับปกรณ์ แล้วสดับปกรณ์รายร้อยปัจจัยมูลรูปละ ๑ บาท อีกร้อยรูป แล้วเสด็จทรงรถพระที่นั่งออกไปทางประตูชัยใต้ ถึงศาลามีชัยทรงประทับทอดพระเนตรเทือกเขานครศรีธรรมราช ทรงฉายรูปแล้วเสด็จกลับวัดพระมหาธาตุ ฯ ทอดพระเนตรละครของคุณนายพิณแล้วเสด็จพลับพลาประทับแรม

วันที่ ๗ เวลาเช้า เสด็จลงเรือมาดเก๋งลองไปตามคลองหน้าเมืองไปออกปากนคร ซึ่งพระยาสุขุมนัยวินิตได้ดำเนินการขุดขึ้น โดยได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ทรงเปิด ระหว่างทางพระราชดำเนินนั้นมีทำนบกั้นเป็นตอน ๆ ออกจากปากนครไปแล้วมีเรือกลไฟรับจูงไปจนถึงเรือพระที่นั่งมหาจักรีแล้วเสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังอำเภอปากพนัง ฯ