ที่มา : https://www.technologychaoban.com/…
ผู้เขียน : รศ.บุญยงค์ เกศเทศ
เผยแพร่ : วันจันทร์ที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐

รายละเอียด

คุณโสมชยา ธนังกุล ได้เขียน ต้นตระกูลมอญในนครศรีธรรมราช ไว้ในวารสารเสียงรามัญ ปีที่ ๑๐ ฉบับที่ ๔๔ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๕๘ – มิถุนายน ๒๕๕๙ กล่าวถึงวัดศรีทวี หรือ “วัดมอญ” ว่า เดิมวัดนี้ชื่อวัดท่ามอญ ชื่อวัดนั้นตั้งตามชื่อชุมชนผู้สร้างวัด เดิมเรียกกันว่า ตรอกท่ามอญ สันนิษฐานว่า เดิมบริเวณวัดเป็นท่าน้ำ ลำน้ำที่ไหลผ่านบริเวณหลังวัดมีต้นน้ำกำเนิดมาจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ในสมัยโบราณมีเรือบรรทุกสินค้าของชาวต่างชาติแวะเวียนขึ้นท่านี้เพื่อนำสินค้าเข้ามาค้าขายในเมืองนครศรีธรรมราชอย่างต่อเนื่อง

ส่วนหลักฐานร่องรอยของชาวมอญนั้น ได้ค้นพบพระพุทธรูปที่สร้างด้วยศิลปะแบบมอญและเหรียญมอญในคลองท่าวัง เข้าใจว่าชาวมอญที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ณ บริเวณนี้ ได้รับอนุญาตให้สร้างวัดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๘ ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔

ยังมีตำนานเล่าว่า โคตรคีรีเศรษฐีได้หอบทองคำ นำเงินตราหงส์ พร้อมด้วยญาติมิตรบริวารผู้ติดสอยห้อยตามมากว่า ๗๐๐ คน ล่องเรือสำเภา ๓ ลำ มาขึ้นท่าน้ำบริเวณหลังวัด

จากข้อเขียนของ คุณโสมชยา ธนังกุล เป็นต้นเค้าแรงบันดาลใจให้ผมเดินทางไปพบกับปราชญ์เมืองนครท่านหนึ่งชื่อ อาจารย์บัณฑิต สุทธมุสิก ซึ่งท่านได้นำพงศาวดารที่ได้ถอดความแล้วมาอ่านให้ฟังว่า

“พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ตรัสถามว่าคนมาเท่าใด จิงโคทธะคีรีเศรษฐีทูลว่า คนมาลำสำเภา ทั้งชายหญิง เปนคน ๗๐๐ มีเศษ จิงพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ตรัสสั่งให้ขุนโยทาทิพย์ ตำมรวจ นำมาให้ตั้งบ้านอยู่ ฝายภายัพ เมืองนคร ตำบลท่าประตูช้างตั้งเปนสังเขตร์บ้าน ตามยาวเส้นห้าวา ตามกว้างสองเส้นสิบห้าวา จิงโคทธะคีรีเศรษฐี ให้ตั้งเปนบ้านสังเขตร์สามบ้าน ราชผู้เปนน้องบ้านหนึ่ง โคทธะคีรีเศรษฐีบ้านหนึ่ง พระท้าวศรีบ้านหนึ่ง ท่านทั้งสองคนนี้น้องร่วมเดียวกัน ด้วยโคทธะคีรีเศรษฐี เปนบ้านสามบ้าน พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช พระราชให้เป็นขาด ถ้ามีความสิงใดห้ามหมิให้ผู้รักษาเมือง กรมการไปพิจารณา ว่ากล่าวเปนอันฃาษ แล้วโคทธะคีรีเศรษฐี คิดอานด้วยพระเท้าราชพระท้าวศรีผู้น้อง เอาทองคำ คนสิบชั่งทอง เอากราบทูลแกพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ให้แผ่ส้อมยอษพระบรมธาตุ แล้วทำบุญให้ทาน แล้วโคทธะคีรีเศรษฐีมีบุตร์ชายหญิงสองคน บุตร์ชายชื่อนนท์กุมาร ก็แตงให้ขึ้นเฝ้าพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช บุตร์หญิงนั้นชื่อสุวรรณ์มาลา ครั้นทรงพระไวยใหญ่ขึนมา อายุได้ ๑๑ ปี จิงพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช สังแกโคธะคีรีเศรษฐี ให้เอาเจ้ามาลาอพพิเศกกับเจ้าสรรณ์นา อันเปนราชบุตร์แหงพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช …”

คุณโสมชยา เล่าต่ออีกว่า เมื่อบุตรสาวของโคตรคีรีเศรษฐีมีอายุ ๑๗ ปี ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าสุวรรณราชบุตรของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชกษัตริย์ผู้ทรงธรรมแห่งเมืองนครศรีธรรมราช ต่อมานางได้ให้กำเนิดราชบุตร ทรงพระนามว่า เจ้าโพธิกุมาร

เมื่อเจ้าโพธิกุมารมีพระชนมายุ ๒๓ พรรษา ทรงศรัทธาเลื่อมใสในพุทธศาสนา จนทรงผนวชเป็นพระภิกษุ พระอัยกาคือพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจึงทรงสร้างพระอารามหลวงถวายชื่อว่า “วัดท่าช้าง” แล้วทรงแต่งตั้งให้เจ้าโพธิกุมารเป็น สมเด็จเจ้าโพธิสมภารโลกาจาริญาณคัมภีร์ศรีสังฆปรินายกมหาสามีพระเจ้าท่าน เป็นเจ้าอธิการวัดท่าช้าง

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๑๔๑ พวกอุชงคนะ (โจรสลัด) ยกกองทัพเรือเข้ามารุกรานเมืองนคร พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช จึงทรงปรึกษาหารือเรื่องการป้องกันบ้านเมืองกับพระราชนัดดาคือ สมเด็จเจ้าโพธิสมภาร ฯ ทั้ง ๒ พระองค์ทรงแต่งตั้งกรมการออกมารักษาพระนคร ในกองทัพของเมืองนคร ฯ มีทัพช้างซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของหมอเฒ่าช้าง ๔ เหล่า บรรดาหมอเฒ่าจำนวน ๓๐-๔๐ คนนี้ ล้วนเป็นสมัครพรรคพวกเทือกเถาเหล่ากอของพระท้าวราช พระท้าวศรี ที่เป็นน้องของโคตรคีรีเศรษฐี

อ่านต่อได้ที่ https://www.technologychaoban.com/thai-local-wisdom/article_17225